ที่เที่ยว บึงกาฬ

ที่เที่ยว บึงกาฬ
ที่เที่ยว บึงกาฬ ไปแล้วต้องหลงรัก ทั้งสายธรรมชาติ เดินป่า ชิลล์ที่พัก และแฮงค์เอาท์ยามค่ำคืน จังหวัดบึงกาฬอาจจะเป็นจังหวัดใหม่ของประเทศไทย แต่ความงดงามของธรรมชาติและบรรยากาศสงบแบบชิลล์ ๆ ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ สายลุย และสายชิลล์ที่ต้องห้ามพลาด มาดูกันว่า ที่เที่ยวสุดฮิตของบึงกาฬ มีอะไรให้เราไปสัมผัสบ้าง
ภูทอก


จากศรัทธา สู่สถาปัตยกรรม สถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของบึงกาฬ ภูเขาสูงโดดเด่นพร้อมสะพานไม้ที่พาดรอบภูเขา 7 ชั้น สร้างโดย พระอาจารย์จวน ให้เป็นที่ปฏิบัติธรรม มองเห็นวิวพาโนราม่าโดยรอบ ใครชอบเดินป่าชิลล์ ๆ พร้อมได้บุญ ที่นี่ห้ามพลาด
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
เส้นทางจากขอนแก่นไปบึงกาฬ:
ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) มุ่งหน้าไปทางอุดรธานี
จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 222 ผ่านอำเภอศรีวิไล
วัดภูทอกตั้งอยู่ที่บ้านคำแคน ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล
ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3–4 ชั่วโมง
น้ำตกถ้ำพระ


เดินป่าชมธรรมชาติกลางผืนป่าอุทยาน น้ำตกชั้นเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูวัว ต้องเดินป่าประมาณ 1-2 กิโลเมตร เหมาะสำหรับสายเดินเบา ๆ ชมพันธุ์ไม้ หินแปลกตา และสายน้ำเย็นชุ่มฉ่ำ
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
- จากตัวเมืองบึงกาฬ:
- ใช้ทางหลวงหมายเลข 212 ผ่านอำเภอโซ่พิสัย มุ่งหน้าไปยังอำเภอเซกา
- ขับตรงไปประมาณ 34 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2019
- ขับต่อไปอีกประมาณ 26 กิโลเมตร จะถึงท่าเรือที่ใช้เดินทางเข้าสู่น้ำตกถ้ำพระ
- จากขอนแก่น:
- ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) มุ่งหน้าไปทางอุดรธานี
- จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 222 ผ่านอำเภอศรีวิไล
- วัดภูทอกตั้งอยู่ที่บ้านคำแคน ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล
การเดินทางเข้าสู่น้ำตกถ้ำพระ
- เมื่อถึงท่าเรือ ต้องนั่งเรือหางยาวของชาวบ้านเข้าไปยังน้ำตก
- ค่าโดยสารไป-กลับประมาณ 30 บาทต่อคน ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 15 นาที
- จากจุดที่เรือจอด ต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 500–1,000 เมตร เพื่อถึงตัวน้ำตก
เวลาเปิด-ปิด และช่วงเวลาที่เหมาะสม
- เวลาให้บริการ: เรือให้บริการตั้งแต่เวลา 08:00–17:00 น.
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ควรไปในช่วงฤดูฝน (กรกฎาคม–ตุลาคม) เพราะน้ำจะเยอะและสวยงามที่สุด
⚠️ ข้อควรระวัง
- ควรสวมรองเท้าที่เหมาะสมสำหรับการเดินป่า และเตรียมน้ำดื่มไปด้วย เนื่องจากบริเวณน้ำตกไม่มีร้านค้าจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม
- ห้ามนำขวดแก้วหรือของมีคมเข้าไปในบริเวณน้ำตก เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน
หินสามวาฬ


จุดชมวิวหินยักษ์รูปวาฬริมหน้าผา
วิวพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่สวยงามมาก ต้องตื่นเช้ามาปีนป่าย (มีรถอีแต๋นพาขึ้น) ระยะทางเดินไม่หนักมาก แต่ได้วิวสุดว้าว
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
- จากตัวเมืองบึงกาฬ:
- ใช้ทางหลวงหมายเลข 212 มุ่งหน้าไปทางอำเภอศรีวิไล
- เมื่อถึงอำเภอศรีวิไล ให้เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 222
- ขับต่อไปจนถึงทางเข้าภูสิงห์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการขึ้นไปยังหินสามวาฬ
- จากขอนแก่น:
- ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) มุ่งหน้าไปทางอุดรธานี
- จากนั้นเลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 222 ผ่านอำเภอศรีวิไล
- ขับต่อไปจนถึงทางเข้าภูสิงห์
การขึ้นไปยังหินสามวาฬ
- เส้นทางขึ้นไปยังหินสามวาฬเป็นทางออฟโรดที่ค่อนข้างชันและขรุขระ ไม่แนะนำให้ขับรถขึ้นไปเอง
- มีบริการรถกระบะของชาวบ้านในพื้นที่ที่ให้บริการพาขึ้นไปยังหินสามวาฬ
- ค่าบริการ: คันละ 500 บาท (ไป-กลับ) สามารถนั่งได้ประมาณ 10 คน
- เวลาให้บริการ: ตั้งแต่เวลา 05:30–17:00 น.
- สามารถติดต่อรถบริการได้ที่ที่ทำการภูสิงห์
วัดอาฮงศิลาวาส


จุดชมแม่น้ำโขงที่ลึกที่สุด
ได้ชื่อว่า “สะดือแม่น้ำโขง” เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์พร้อมบรรยากาศริมแม่น้ำงดงาม ช่วงเช้าเหมาะสำหรับการไหว้พระรับแสงแรกของวัน
ไฮไลต์ของวัดอาฮงศิลาวาส
สะดือแม่น้ำโขง
- บริเวณหน้าวัดมีแอ่งน้ำลึกเรียกว่า “สะดือแม่น้ำโขง” (Navel of Mekong River) ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงในประเทศไทย
- ในฤดูน้ำหลาก (โดยเฉพาะช่วงกรกฎาคม–สิงหาคม) จะเกิดปรากฏการณ์ “เกล็ดพญานาค” คือกระแสน้ำหมุนวนเป็นคลื่นกลม ๆ อย่างน่าอัศจรรย์
วิวแม่น้ำโขงและพระอาทิตย์ขึ้น
- วัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ ได้
- มีลานหินธรรมชาติและศาลานั่งพักที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมและชมวิว
พิธีบุญบั้งไฟพญานาค (บางปี)
- วัดแห่งนี้ยังเป็นจุดที่ชาวบ้านมักสังเกต “ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค” ในช่วงออกพรรษา
- แม้ไม่ได้อยู่ในแก่งของจังหวัดหนองคายโดยตรง แต่ก็มีความเชื่อคล้ายกันเกี่ยวกับแม่น้ำโขง
ที่เที่ยวที่ต่อไป: ที่เที่ยว หนองคาย